หมวด 7ครูคณาจารย์ และ บุคลากรทางการศึกษา
หมวด 7 วางหลักการและมาตรการที่จะส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพ ครู คณาจารย์ และ
บุคลากรทางการศึกษา และพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
ตามหลักการ วรรค 4 มาตรา 9 หลักการและมาตรการดังกล่าว มี 3 ประการ ดังนี้
1. จัดให้มีระบบการพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง และกองทุนพัฒนา
2. ส่งเสริมองค์กรวิชาชีพครูให้เข้มแข็งและมีบทบาทหน้าที่กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ
และมีอำนาจออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
3. จัดระบบการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูโดยเน้นการกระจายอำนาจไปสู่
เขตพื้นที่การศึกษา และมีระบบเงินเดือน ค่าตอบแทนและสวัสดิการเหมาะสมกับวิชาชีพ
และมีกองทุนส่งเสริมครูในการคิดริเริ่มสร้างสรรค์
มาตราในหมวดนี้มีทั้งหมด 6 มาตรา
ตามหลักการ วรรค 4 มาตรา 9 หลักการและมาตรการดังกล่าว มี 3 ประการ ดังนี้
1. จัดให้มีระบบการพัฒนาครูอย่างต่อเนื่อง และกองทุนพัฒนา
2. ส่งเสริมองค์กรวิชาชีพครูให้เข้มแข็งและมีบทบาทหน้าที่กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ
และมีอำนาจออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
3. จัดระบบการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูโดยเน้นการกระจายอำนาจไปสู่
เขตพื้นที่การศึกษา และมีระบบเงินเดือน ค่าตอบแทนและสวัสดิการเหมาะสมกับวิชาชีพ
และมีกองทุนส่งเสริมครูในการคิดริเริ่มสร้างสรรค์
มาตราในหมวดนี้มีทั้งหมด 6 มาตรา
มาตรา 52 ให้กระทรวงส่วเสริมให้มีระบบ กระบวนการผลิต การพัฒนา
ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานที่เหมาะสม
กับการเป็นวิชาชีพชั้นสูง โดยการกำกับและประสานให้สถาบันที่ทำหน้าที่
ผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์ รวมทั้งบุคลากรทางการศึกษาให้มีความพร้อม
และมีความเข้มแข็งในการเตรียมบุคลากรใหม่และการพัฒนาบุคลากร
ประจำการอย่างต่อเนื่อง รัฐพึงจัดสรรงบประมาณและจัดตั้งกองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทาง
การศึกษาอย่างเพียงพอ
มาตรา 52 ต้องการจะชี้ให้เห็นว่าจะต้องมีระบบการผลิตครู และการพัฒนาครูอย่าง
ต่อเนื่อง โดยเฉพาะระบบการพัฒนาครูประจำการตลอดชีวิต และจะต้องมีการจัดสรร
งบประมาณเพื่อการพัฒนา และจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัมนาครู คณาจารย์ และบุคลากร
ทางการศึกษา
ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานที่เหมาะสม
กับการเป็นวิชาชีพชั้นสูง โดยการกำกับและประสานให้สถาบันที่ทำหน้าที่
ผลิตและพัฒนาครู คณาจารย์ รวมทั้งบุคลากรทางการศึกษาให้มีความพร้อม
และมีความเข้มแข็งในการเตรียมบุคลากรใหม่และการพัฒนาบุคลากร
ประจำการอย่างต่อเนื่อง รัฐพึงจัดสรรงบประมาณและจัดตั้งกองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทาง
การศึกษาอย่างเพียงพอ
มาตรา 52 ต้องการจะชี้ให้เห็นว่าจะต้องมีระบบการผลิตครู และการพัฒนาครูอย่าง
ต่อเนื่อง โดยเฉพาะระบบการพัฒนาครูประจำการตลอดชีวิต และจะต้องมีการจัดสรร
งบประมาณเพื่อการพัฒนา และจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัมนาครู คณาจารย์ และบุคลากร
ทางการศึกษา
มาตรา 53 ให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหาร
การศึกษามีฐานะเป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพในกำกับ
ของกระทรวง มีอำนาจหน้าที่กำหนด มาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอน
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณ
ของวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหาร
การศึกษา ให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่นทั้งของ
รัฐและเอกชนต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามที่กฎหมายกำหนด
การจัดให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาและบุคลากร
ทางการศึกษาอื่น คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกและเพิกถอนใบอนุญาต
ประกอบวิชาชีพ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
ความในวรรคสองไม่ใช้บังคับแก่บุคลากรทางการศึกษาที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย
สถานศึกษาตามมาตรา 18(3) ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษาและวิทยากร
พิเศษทางการศึกษา
ความในมาตรานี้ไม่ใช้บังคับแก่คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา
ในระดับอุดมศึกษาระดับปริญญา
วรรคหนึ่งของมาตรานี้ คือ ให้มีองค์กรวิชาชีพครูผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหาร
การศึกษา (ซึ่งอาจจะเป็นองค์กรเดียว) และมีฐานะเป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหารของ
สภาวิชาชีพ ซึ่งหมายความว่าไม่อยู่ในบังคับบัญชาของกระทรวงฯ แต่ให้กระทรวงฯ
ทำหน้าที่ "กำกับ"
คำว่า "กำกับ" ในภาษากฎหมายบริหาร หมายความถึงหน่วยกำกับไม่มีอำนาจเข้าไป
บริหารบังคับบัญชา แต่ถ้าหากองค์กรวิชาชีพนั้นดำเนินการผิดกฎหมายหรือออกนอกลู่
นอกทาง หน่วยกำกับสามารถดำเนินการใด
องค์กรวิชาชีพนี้มีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรฐานวิชาชีพออกและเพิกถอนใบอนุญาต
ประกอบวิชาชีพ และทำหน้าที่ตามที่กำหนดในวรรคหนึ่ง
วรรคสอง กำหนดว่า บุคคลทั้งสี่ประเภทในวรรคนี้ ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ซึ่งจะต้องมีกฎหมายอีกฉบับหนึ่งกำหนด
วรรคสี่ก็เช่นกันให้มีกฎหมายกำหนดรายละเอียด ส่วนวรรคห้าวรรคหกเขียนข้อยกเว้นเก็บไว้ ไม่ให้มาตรานี้บังคับใช้กับผู้บริหาร
การศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา เช่น อธิบดี และอาจารย์มหาวิทยาลัย
มาตรา 54 ให้มีองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู โดย
ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งของหน่วยงานทางการศึกษาในระดับ
สถานศึกษาของรัฐและระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นข้าราชการในสังกัด
องค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู โดยยึดหลักการกระจาย
อำนาจการบริหารงานบุคคลสู่เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด จะต้องมีกฎหมายอีกฉบับหนึ่งจัดระเบียบ
และองค์กรกการบริหารของบุคลากรครู และบุคลากรทางการศึกษา สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษาของสถานศึกษาและหน่วยงาน
ของรัฐระดับเขตพื้นที่การศึกษา และให้ยึดหลักการกระจายอำนาจ
การบริหารซึ่งหมายความว่า ให้หน่วยงานระดับเขตพื้นที่ และสถานศึกษา
สามารถบริหารงานบุคลากรของตนเองตามกฎระเบียบที่องค์กรบริหาร
ส่วนกลางจะกำหนด
มาตรา 55 ให้มีกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการและ
สิทธิประโยชน์เกื้อกูลอื่น สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
เพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอและเหมาะสมกับฐานะทางสังคมและวิชาชีพ
ให้มีกองทุนส่งเสริมครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อจัดสรร
เป็นเงินอุดหนุนงานริเริ่มสร้างสรรค์ ผลงานดีเด่น และเป็นรางวัล
เชิดชูเกียรติครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ทั้งนี้ ให้เป็นไป
ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 56 การผลิตและพัฒนาคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา
การพัฒนามาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ และการบริหารงานบุคคล
ของข้าราชการหรือพนักงานของรัฐในสถานศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งสถานศึกษาแต่ละแห่งและกฎหมาย
ที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๕๗ ให้หน่วยงานทางการศึกษาระดมทรัพยากรบุคคลในชุมชน
ให้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาโดยนำประสบการณ์ ความรอบรู้ ความชำนาญ
และภูมิปัญญาท้องถิ่นของบุคคลดังกล่าวมาใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการ
ศึกษาและยกย่องเชิดชูผู้ที่ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา
ผ
คัดลอกมาจาก (ที่มา) = http://www.moe.go.th/hp-vichai/ex-prb05-7.htm
การศึกษามีฐานะเป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพในกำกับ
ของกระทรวง มีอำนาจหน้าที่กำหนด มาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอน
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ กำกับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานและจรรยาบรรณ
ของวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหาร
การศึกษา ให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาอื่นทั้งของ
รัฐและเอกชนต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามที่กฎหมายกำหนด
การจัดให้มีองค์กรวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษาและบุคลากร
ทางการศึกษาอื่น คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ และวิธีการในการออกและเพิกถอนใบอนุญาต
ประกอบวิชาชีพ ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
ความในวรรคสองไม่ใช้บังคับแก่บุคลากรทางการศึกษาที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย
สถานศึกษาตามมาตรา 18(3) ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษาและวิทยากร
พิเศษทางการศึกษา
ความในมาตรานี้ไม่ใช้บังคับแก่คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารการศึกษา
ในระดับอุดมศึกษาระดับปริญญา
วรรคหนึ่งของมาตรานี้ คือ ให้มีองค์กรวิชาชีพครูผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหาร
การศึกษา (ซึ่งอาจจะเป็นองค์กรเดียว) และมีฐานะเป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหารของ
สภาวิชาชีพ ซึ่งหมายความว่าไม่อยู่ในบังคับบัญชาของกระทรวงฯ แต่ให้กระทรวงฯ
ทำหน้าที่ "กำกับ"
คำว่า "กำกับ" ในภาษากฎหมายบริหาร หมายความถึงหน่วยกำกับไม่มีอำนาจเข้าไป
บริหารบังคับบัญชา แต่ถ้าหากองค์กรวิชาชีพนั้นดำเนินการผิดกฎหมายหรือออกนอกลู่
นอกทาง หน่วยกำกับสามารถดำเนินการใด
องค์กรวิชาชีพนี้มีอำนาจหน้าที่กำหนดมาตรฐานวิชาชีพออกและเพิกถอนใบอนุญาต
ประกอบวิชาชีพ และทำหน้าที่ตามที่กำหนดในวรรคหนึ่ง
วรรคสอง กำหนดว่า บุคคลทั้งสี่ประเภทในวรรคนี้ ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ซึ่งจะต้องมีกฎหมายอีกฉบับหนึ่งกำหนด
วรรคสี่ก็เช่นกันให้มีกฎหมายกำหนดรายละเอียด ส่วนวรรคห้าวรรคหกเขียนข้อยกเว้นเก็บไว้ ไม่ให้มาตรานี้บังคับใช้กับผู้บริหาร
การศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา เช่น อธิบดี และอาจารย์มหาวิทยาลัย
มาตรา 54 ให้มีองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู โดย
ให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั้งของหน่วยงานทางการศึกษาในระดับ
สถานศึกษาของรัฐและระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นข้าราชการในสังกัด
องค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการครู โดยยึดหลักการกระจาย
อำนาจการบริหารงานบุคคลสู่เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา ทั้งนี้
ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด จะต้องมีกฎหมายอีกฉบับหนึ่งจัดระเบียบ
และองค์กรกการบริหารของบุคลากรครู และบุคลากรทางการศึกษา สำหรับครูและบุคลากรทางการศึกษาของสถานศึกษาและหน่วยงาน
ของรัฐระดับเขตพื้นที่การศึกษา และให้ยึดหลักการกระจายอำนาจ
การบริหารซึ่งหมายความว่า ให้หน่วยงานระดับเขตพื้นที่ และสถานศึกษา
สามารถบริหารงานบุคลากรของตนเองตามกฎระเบียบที่องค์กรบริหาร
ส่วนกลางจะกำหนด
มาตรา 55 ให้มีกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการและ
สิทธิประโยชน์เกื้อกูลอื่น สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
เพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอและเหมาะสมกับฐานะทางสังคมและวิชาชีพ
ให้มีกองทุนส่งเสริมครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา เพื่อจัดสรร
เป็นเงินอุดหนุนงานริเริ่มสร้างสรรค์ ผลงานดีเด่น และเป็นรางวัล
เชิดชูเกียรติครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ทั้งนี้ ให้เป็นไป
ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา 56 การผลิตและพัฒนาคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา
การพัฒนามาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ และการบริหารงานบุคคล
ของข้าราชการหรือพนักงานของรัฐในสถานศึกษาระดับปริญญาที่เป็นนิติบุคคล ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งสถานศึกษาแต่ละแห่งและกฎหมาย
ที่เกี่ยวข้อง
มาตรา ๕๗ ให้หน่วยงานทางการศึกษาระดมทรัพยากรบุคคลในชุมชน
ให้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาโดยนำประสบการณ์ ความรอบรู้ ความชำนาญ
และภูมิปัญญาท้องถิ่นของบุคคลดังกล่าวมาใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการ
ศึกษาและยกย่องเชิดชูผู้ที่ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น